แนวคิดแบบดั้งเดิม
• มุ่งศึกษาประสิทธิภาพ (Efficiency) และประสิทธิผล (Effectiveness)
1 การจัดการแบบวิทยาศาสตร์ (Scientific Management)
• (1) แนวคิดของ Frederick W. Taylor :
• The Father of Scientific Management
ค้นหาวิธีทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
• การจัดการแบบวิทยาศาสตร์
• ศึกษาเวลาและการเคลื่อนไหวในการทำงาน (Time-and-Motion Study)
• ประดิษฐ์เครื่องตัดเหล็กที่มีรวดเร็วสูง
• Taylor’s Principles
ใช้หลักวิทยาศาสตร์ในการจัดการแทนการใช้หลักทั่วไป (Rules Thumb)
ยอมรับความกลมเกลียวมากกว่าความขัดแย้ง
ยอมรับความร่วมมือมากกว่าต่างคนต่างทำ
ทำงานเพื่อผลผลิตสูงสุดมากกว่าผลผลิตที่จำกัด
พัฒนาทุกคนให้สามารถใช้ความสามารถสูงสุด
(2) แนวคิดของ Henry L. Gantt:
• Gantt ร่วมงานกับ Taylor
• พัฒนาวิธีการอธิบายแผนโดยใช้กราฟเรียกว่าผังแกนต์ (Gantt chart) ซึ่งเป็นการค้นพบที่สำคัญที่สุดใน ศตวรรษที่ 20
(3) แนวคิดของ Frank Gilbreth และ Lillian Gilbreth
• สนับสนุนแนวคิดของ Taylor
• ศึกษาเวลาและการเคลื่อนไหวในการทำงาน (Time-and-Motion study)
• คิดค้นวิธีเรียงอิฐให้ได้งานเป็นสองเท่าในเวลาเท่ากัน
• Lillian Gilbreth เป็น First Lady of Management
(4) แนวคิดของ Harrington Emerson :
• ศึกษาประสิทธิภาพขององค์กร
• ศึกษาความสำคัญของโครงสร้างและเป้าหมายขององค์กร
• หลักประสิทธิภาพ 12 ประการ
กำหนดจุดมุ่งหมายชัดเจน (Clearly defined goal)
ใช้หลักเหตุผลทั่วไป (Common sense)
คำแนะนำที่ดี (Competent counsel)
มีวินัย (Discipline)
มีความยุติธรรม (Fair deal)
มีข้อมูลเชื่อถือได้ (Reliable Information)
มีความฉับไว (Dispatching)
มีมาตรฐานและมีตารางเวลา (Standard and Schedule)
อยู่ในสภาพที่มีมาตรฐานเสมอ (Standardized condition)
ปฏิบัติการได้มาตรฐาน (Standardized operation)
คำสั่งได้มาตรฐาน (Standardized directing)
มีการให้รางวัลอย่างมีประสิทธิภาพ (Efficiency reward)
1.2 ทฤษฎีองค์กรแบบดั้งเดิม (Classical Organization Theory)
(1) แนวคิดของ Henri Fayol :
• ทฤษฎีการจัดการปฏิบัติการ (Operation-Management Theory)
• Fayol แบ่งกิจกรรมของอุตสาหกรรมออกเป็น 6 กลุ่ม
กิจกรรมเทคนิค (Technical Activities)
(1) การผลิต (Production)
(2) การประกอบอุตสาหกรรม (Manufacturing)
กิจกรรมการค้า (Commercial Activities)
(1) การซื้อ (Buying)
(2) การขาย (Selling)
(3) การแลกเปลี่ยน (Exchanging)
กิจกรรมการเงิน (Financial Activities)
(1) การหาเงินทุนและสินเชื่อ (Searching for Capital and Credit)
(2) การใช้เงินทุนอย่างเหมาะสม (Using them optimally)
กิจกรรมความมั่นคง (Security Activities)
(1) การคุ้มครองทรัพย์สมบัติ (Protecting property)
(2) การคุ้มครองบุคคล (Protecting persons)
กิจกรรมทางบัญชี (Accounting Activities)
(1) การควบคุมสินค้า (Taking stock)
(2) การจัดทำงบดุล (Keeping balance sheets)
(3) การตรวจสอบต้นทุน (Tracking costs)
กิจกรรมการจัดการ (Managerial Activities)
(1) การวางแผน (Planning)
(2) การจัดองค์การ (Organizing)
(3) การบังคับบัญชา (Commanding)
(4) การประสานงาน (Coordinating)
(5) การควบคุม (Controlling)
• Fayol กำหนด “หลักการจัดการที่มีประสิทธิภาพของ Fayol” (Fayol’s Principles of Effective Management) มี 14 ข้อคือ
การแบ่งงานกันทำ (Division of Work)
อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (Authority and Responsibility)
ระเบียบวินัย (Discipline)
มีการบังคับบัญชาที่มีเอกภาพ (Unity of Command)
มีทิศทางที่เป็นเอกภาพ (Unity of Direction)
ผลประโยชน์ส่วนตัวสำคัญน้อยกว่าผลประโยชน์ส่วนรวม (Individual Interest less than General Interest)
มีการรวมอำนาจ (Centralization)
มีสายสัมพันธ์ที่คล่องตัว (Scalar chain)
มีลำดับตำแหน่ง (Order)
ความเสมอภาค (Equity)
ความมั่นคง (Stability)
ความคิดริเริ่ม (Initiative)
ความสามัคคี (Esprit de corps)
ค่าตอบแทน (Remuneration)
(2) แนวคิดของ Max Weber :
• ทฤษฎีระบบราชการของ Weber (Weber’s Theory of Bureaucracy)
• ระบบราชการ เป็นรูปแบบองค์กรที่ใช้เหตุผล (Logic) และประสิทธิภาพ (Efficient) โดยมีอำนาจหน้าที่ตามระเบียบ (Order) และตามกฎหมาย (Legitimate Authority) ซึ่งมีลักษณะ 5 ประการ คือ
การแบ่งงานกันทำ (Division of Labor)
มีสายบังคับบัญชาเป็นลำดับหน้าที่ (Hierarchy of Authority)
มีกฎระเบียบและวิธีปฏิบัติอย่างเป็นทางการ (Formal Rules and procedure)
ความไม่เป็นส่วนตัว (Impersonality)
ความก้าวหน้าในงานอาชีพตามหลักคุณภาพ (Careers based on Merit)
แนวคิดการจัดการเชิงพฤติกรรมศาสตร์
• การจัดการเป็นทักษะที่มุ่งที่การเพิ่มความสำเร็จในองค์กรของบุคคล สนใจพฤติกรรมในองค์กรของบุคคลความเป็นผู้นำ แรงจูงใจ เหล่านี้เป็นต้น
1 แนวคิดของ Hugo Munsterberg :
• ศึกษาจิตวิทยาอุตสาหกรรม
• The Father of Industrial Psychology
• ความสัมพันธ์ของพฤติกรรมกับอุตสาหกรรม
คุณภาพทางด้านจิตใจมีความสัมพันธ์กับลักษณะของงานที่ทำ
ความพอใจของคนงานมีความสัมพันธ์กับการเพิ่มผลผลิต
วิธีการทางธุรกิจมีความสัมพันธ์กับการเพิ่มผลผลิต
2 แนวคิดของ Elton Mayo, F.J. Roethlisberger และคณะ :
• การทดลองที่โรงงาน Hawthorne ของบริษัท Western Electric ระหว่างปี 1927-1932 โดย Elton Mayo และคณะ เพื่อหาความสัมพันธ์ของสภาพแวดล้อมของการทำงานกับการเพิ่มผลผลิต ผลการทดลอง ไม่พบความสัมพันธ์ดังกล่าว แต่ผู้วิจัยสรุปว่า การเพิ่มผลผลิตเกิดจากปัจจัยทางสังคม เช่น ขวัญกำลังใจ (Morale) มิตรภาพภายในกลุ่ม (Interrelationships) ความรู้สึกในการเป็นเจ้าของ (Sense of belonging) การจูงใจ (Motivating) การให้คำปรึกษา (counseling) การนำ (Leading) และการติดต่อสื่อสาร (Communicating)
3 แนวคิดของ Abraham Maslow :
• ทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการ (Hierarchy of Needs Theory) ของ Maslow พบว่า บุคคลมีสิ่งกระตุ้นให้ต้องสนองตามลำดับความต้องการของมนุษย์ 5 ประการ โดยลำดับคือ
1. ความต้องการทางกายภาพ (Physiological need)
2. ความต้องการความปลอดภัย (Safety need)
3. ความต้องการทางสังคม (Social need)
4. ความต้องการได้รับการยกย่อง (Esteem need)
5. ความต้องการประสบผลสำเร็จในชีวิต (Self-actualization need)
4 แนวคิดของ Douqlas McGregor :
• ทฤษฎี X และทฤษฎี Y ของ McGregor เป็นฐานคติ (Assumption) เกี่ยวกับมนุษย์ซึ่งมีความแตกต่างกันไปในทางตรงกันข้ามระหว่างแบบทฤษฎี X และแบบทฤษฎี Y
• ฐานคติของทฤษฎี X
พนักงานต้องการทำงานให้น้อยที่สุด ดังนั้นผู้บริหารต้องควบคุม สั่งการ จูงใจ ให้รางวัล หรือลงโทษเพื่อให้บุคคลทำงานเพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายขององค์การ
พนักงานมีความทะเยอทะยานน้อยและไม่ชอบความรับผิดชอบ
โดยทั่วไปพนักงานจะต่อต้านการเปลี่ยนแปลง
• ฐานคติของทฤษฎี Y
โดยธรรมชาติพนักงานชอบทำงาน
พนักงานมีความคิดริเริ่มในการแก้ปัญหาและบรรลุจุดมุ่งหมายขององค์การ
พนักงานเต็มใจที่จะค้นหาและยอมรับความรับผิดชอบ
พนักงานจะยอมรับจุดมุ่งหมายขององค์การ เพื่อสามารถใช้ความพยายามและบรรลุจุดมุ่งหมายส่วนตัว
พนักงานมีศักยภาพในการพัฒนาตัวเองซึ่งโดยทั่วไปยังไม่ได้ประโยชน์เต็มที่ในองค์การส่วนใหญ่
แนวคิดการจัดการเชิงปริมาณ
• เป็นการจัดการซึ่งนำเทคนิคทางคณิตศาสตร์ เครื่องมือสถิติและข้อมูลมาใช้ในการแก้ปัญหาทางการจัดการ
1 แนวคิดวิทยาการจัดการหรือการวิจัยการจัดการ
• ประยุกต์ใช้ model คณิตศาสตร์และสถิติในสถานการณ์ต่าง ๆ ในการจัดการ
• ทฤษฎีการจัดลำดับแถวคอย (Queuing Theory หรือ Waiting Line Analysis) ใช้ในการวิเคราะห์แถวรอคอยในการรับบริการ
• โมเดลสถานการณ์จำลอง (Simulation Model) โดยสร้าง Model ทางธุรกิจขึ้นมา และเปรียบเทียบกับความเป็นจริง
2 แนวคิดการจัดการฏิบัติการ
• การจัดการปฏิบัติการ (Operation Management) ศึกษากระบวนแปรสภาพทรัพยากรเป็นผลผลิตซึ่งเป็นสินค้าหรือบริการ
• ใช้เทคนิคเชิงปริมาณเพื่อปรับปรุงผลผลิต เช่น การใช้สถิติเพื่อการควบคุมกระบวนการผลิต (Statistical Process Control, SPC)
3 แนวคิดระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ
• ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ (Management Information System, MIS) เป็นระบบที่มุ่งจัดเก็บ การจัดระเบียบ และการกระจายข้อมูลเพื่อตอบสนองหน้าที่การจัดการและความต้องการของผู้บริหาร
• MIS เกี่ยวกับองค์การ ลูกค้า และสิ่งแวดล้อมที่สัมพันธ์กันอย่างเป็นระบบ ซึ่งสามารถวิเคราะห์ได้อย่างรวดเร็ว
แนวคิดทฤษฎีระบบ
• ทฤษฎีระบบ (System Theory) เป็นแนวคิดการจัดการซึ่งมององค์การเป็นระบบตามหน้าที่ที่สัมพันธ์กับสภาพแวดล้อม
• ระบบประกอบด้วย 4 ส่วนที่เกี่ยวข้องกัน คือ
ปัจจัยนำเข้า (Input)
กระบวนการแปรสภาพในการจัดการ (Transformation Process)
ผลผลิต (Product)
การป้อนกลับ (Feedback)
แนวคิดการจัดการเชิงสถานการณ์
• การจัดการขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้จึงจำเป็นต้องปรับปรุงการจัดการอยู่เสมอ
• มุ่งปรับปรุงพฤติกรรมการบริหารตามสถานการณ์เฉพาะขององค์การ
• นักทฤษฎีแนวนี้มีหลายคน เช่น Joan Woodward, Paul Lawrence, Jay Lorsch
• ทฤษฎีการจัดการเชิงสถานการณ์ (Contingency Theory of Management) ผสมผสาน 4 แนวคิดเข้าด้วยกันคือ
แนวคิดแบบดั้งเดิม (Classical Perspective)
แนวคิดเชิงพฤติกรรม (Behavioral Perspective)
แนวคิดเชิงปริมาณ (Quantitative Perspective)
แนวคิดเชิงระบบ (System Perspective)
แนวคิดการจัดการแบบญี่ปุ่น
• ความสำเร็จทางเศรษฐกิจอย่างดีเยี่ยมของบริษัทต่าง ๆ ของญี่ปุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้ทั่วโลกหันมาสนใจวิธีการบริหารที่ญี่ปุ่นนำมาใช้กับบริษัทของญี่ปุ่น
• ลักษณะการบริหารที่สำคัญของบริษัทญี่ปุ่น คือ
ผู้บริหารชาวญี่ปุ่นเปิดโอกาสให้ลูกน้องมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
ผู้บริหารให้ความสนใจคุณภาพชีวิตที่ดีของพนักงาน
บริษัทของญี่ปุ่นสนใจอย่างมากกับคุณภาพของสินค้าและบริหาร
ผู้บริหารระดับสูงมีบทบาทในฐานะผู้อำนวยความสะดวกมากกว่าการออกคำสั่ง
การไหลของข้อมูลข่าวสารและความคิดริเริ่มจะเห็นจากระดับล่างขึ้นสู่ระดับบน
องค์การของญี่ปุ่นจะดูแลพนักงานโดยการจ้างงานตลอดชีพ
แนวคิดทฤษฎี Z ของ Ouchi
• ทฤษฎีของ Z ของ Ouchi (Ouchi’s Theory Z) เป็นทฤษฎีอธิบายโครงสร้างตามการจัดการผสมผสานระหว่างการบริหารแบบสหรัฐอเมริกาหรือ Theory A กับการบริหารแบบญี่ปุ่น หรือ Theory J คือ
ทฤษฎี A เป็นแนวความคิดการจัดการของสหรัฐอเมริกาซึ่งองค์การเน้นการจ้างงานระยะสั้น พนักงานมีส่วนร่วมและความรับผิดชอบต่อองค์การน้อย
ทฤษฎี J เป็นแนวความคิดการจัดการของญี่ปุ่นซึ่งองค์การเป็นการจ้างงานตลอดชีพ พนักงานมีส่วนร่วมและความรับผิดชอบต่อองค์การสูง
ทฤษฎี Z เป็นแนวความคิดการจัดการประสมประสาน ระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกาโดยเน้นการจ้างงานระยะยาวมีการตัดสินใจและความรับผิดชอบร่วมกัน
แนวคิดความเป็นเลิศขององค์การ
• Thomas J. Peters และ Robert H. Waterman Jr. ในหนังสือชื่อ In Search of Excellence กำหนดคุณสมบัติความเป็นเลิศขององค์การไว้ 8 ประการคือ
การมุ่งการกระทำ (A bias for action)
การใกล้ชิดกับลูกค้า (close to the customer)
การส่งเสริมความเป็นอิสระและความเป็นเจ้าของ (Autonomy and Entrepreneurship)
การเพิ่มผลผลิตโดยอาศัยคน (Productivity through People)
การมุ่งที่ค่านิยม (Hand on Value driven)
การดำเนินธุรกิจที่เชี่ยวชาญ (Stick to the knitting)
การมีโครงสร้างที่เรียบง่ายและมีที่ปรึกษาน้อยลง (Simple structure and Loss consulted)
การเข้มงวดและผ่อนปรนในขณะเดียวกัน (Simultanous)
• คุณสมบัติทั้ง 8 ประการเหล่านี้พัฒนามาจากโครงสร้างการทำงาน J-8 ของ McKingseys คือ
กลยุทธ์ (Stratigy)
โครงสร้าง (Structure)
ระบบ (System)
รูปแบบ (Styles)
พนักงาน (Staff)
ค่านิยมร่วม (Shared Value)
ทักษะ (Skill)
แนวคิดองค์การการเรียนรู้
• องค์การการเรียนรู้ (Learning Organization) หมายถึง องค์การที่มีการริเริ่มสร้างสรรค์ได้มาซึ่งความรู้ ถ่ายทอดความรู้และปรับพฤติกรรมเพื่อตอบสนองต่อความรู้ใหม่
• องค์การการเรียนรู้จะมีการแก้ปัญหาเป็นระบบ ทดลองความรู้ใหม่ เรียนจากประสบการณ์ในอดีต
• ผู้บริหารต้องพยายามสร้างองค์การการเรียนรู้ สร้างสภาพแวดล้อมส่งเสริมการเรียนรู้ สนับสนุนการแลกเปลี่ยนข่าวสารข้อมูล
• ปัจจัยที่สำคัญสำหรับองค์การการเรียนรู้มี 5 ประการคือ
การคิดอย่างเป็นระบบ (System thinking)
การมีวิสัยทัศน์ร่วมกัน (Shared vision)
มีความกระตือรือร้นที่จะทำตามตัวแบบในการแก้ปัญหา (Challenging of mental models)
เรียนรู้เป็นทีม (Team learning)
มีความเชี่ยวชาญ (Personal mastery)
แนวคิดการปรับรื้อระบบ
• การปรับรื้อระบบ (Reengineering) หมายถึง การรื้อโครงสร้างระบบให้เป็นระบบใหม่ที่ดีกว่า
• การปรับรื้อระบบขององค์การจะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างขององค์การ ออกแบบกิจกรรมการปฏิบัติการเสียใหม่ให้สามารถเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงได้
• การปรับรื้อระบบขององค์การจะเปลี่ยนผู้บริหารจากการเป็นเจ้านาย (Bosses) มาเน้น
การรับฟัง (Listening)
การจูงใจ (Motivating)
การให้คำแนะนำ (Coaching)
ให้โอกาสผู้ใต้บังคับบัญชาคิดเอง (Self-thinking)
ทำงานตามคำสั่งให้น้อยลง (Less commanded working)
แนวคิดการจัดการคุณภาพโดยรวม
• การจัดการคุณภาพโดยรวม (Total Quality Management, TQM) เป็นระบบการจัดการองค์กรทั้งหมดให้มีคุณภาพ
• TQM ในปัจจุบันถูกพัฒนาขึ้นในญี่ปุ่น โดย Edwards Deming จากสหรัฐอเมริกา ในปัจจุบันแพร่หลายไปทั่วโลก
• กล่าวกันว่าจาก TQM ทำให้ประเทศญี่ปุ่นเป็นผู้นำทางอุตสาหกรรมโดยเฉพาะเอาชนะสหรัฐอเมริกาได้หลังสงครามโลกครั้งที่ 2
• TQM มีหลักการสำคัญ 5 ข้อ คือ
มุ่งเน้นความพึงพอใจของลูกค้า
มีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
มีการปรับปรุงคุณภาพขององค์กรทั้งหมด
มีการวัดและประเมินผลอย่างแม่นยำ
พนักงานทุกระดับมีส่วนร่วม
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ขอถามว่า แนวคิดทางการจัดการเชิงบริหาร นั้นเหมาะกับอาชีพใดบ้างค่ะ และเพราะอะไร
ตอบลบ